Breaking News

ไทยเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรี FNCA 2025 ผลักดันความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และนำเสนอทิศทางพลังงานสะอาดของประเทศ

   นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มอบหมายให้ ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี Forum for Nuclear Cooperation in Asia (FNCA) ประจำปี 2025 ซึ่งเป็นกลไกความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ระหว่าง 13 ประเทศในเอเชีย–แปซิฟิก ภายใต้การนำของรัฐบาลญี่ปุ่น การประชุมในปีนี้ครอบคลุมความคืบหน้าโครงการร่วมทั้ง 8 ด้าน เช่น การใช้ประโยชน์เครื่องปฏิกรณ์วิจัย การปรับปรุงพันธุ์พืช การใช้รังสีในอุตสาหกรรมและอาหาร การแพทย์นิวเคลียร์ ความปลอดภัยรังสี การจัดการกากกัมมันตรังสี ความมั่นคงปลอดภัยนิวเคลียร์ และการประเมินคาร์บอนจากดินป่าไม้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ประเทศไทยได้รับเกียรติให้บรรยาย Lead Speech ในหัวข้อ “Prospect of Nuclear Energy in Thailand: From Small Modular Reactors to Fusion Energy—Thailand’s path to a clean energy of the future” โดย รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ได้นำเสนอทิศทางพลังงานนิวเคลียร์ของไทยในฐานะแหล่งพลังงานฐานที่สะอาดและมั่นคง สนับสนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality ปี  2050 และ Net Zero ปี 2065  โดยไทยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอนาคตสองด้าน คือ


1. เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ซึ่งมีระบบความปลอดภัยแบบ Passive Safety และถูกบรรจุในร่างแผน PDP 2024

2. เทคโนโลยีฟิวชัน ผ่านการวิจัยด้วยเครื่อง Thailand Tokamak-1 (TT-1) ของ สทน. เพื่อวางรากฐานบุคลากรด้านฟิวชันในประเทศ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือความท้าทายร่วมของภูมิภาค เช่น การยอมรับของสาธารณชน การพัฒนาบุคลากร กฎหมาย และกรอบความปลอดภัยที่ทันสมัย ซึ่งไทยพร้อมเสริมความร่วมมือในทุกมิติ การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เป็นการสะท้อนบทบาทของไทยในเวทีนิวเคลียร์นานาชาติ และเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันพลังงานสะอาดของอนาคต

ภายหลังการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรี FNCA 2025 คณะผู้แทนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ได้เดินทางศึกษาดูงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย  การศึกษาดูงานประกอบด้วย 3 แห่งสำคัญ ได้แก่

1.บริษัท Hitachi GE Nuclear Energy ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ยุคใหม่ รวมถึง SMR แบบ BWRX-300 ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีปฏิกรณ์ขนาดเล็กที่ทั่วโลกให้ความสนใจในการผลิตพลังงานสะอาดและปลอดภัย

2.Naka Institute for Fusion Science and Technology (QST) สถาบันวิจัยฟิวชันของญี่ปุ่น ผู้พัฒนาโทคาแมค JT-60SA ซึ่งเป็นเครื่องโทคาแมคแบบ superconducting magnet ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่สามารถใช้งานได้ในปัจจุบัน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาพลังงานฟิวชันในอนาคต

3.Japan Atomic Energy Agency (JAEA) คณะได้เยี่ยมชมเครื่องปฏิกรณ์วิจัย JRR-3 กำลังผลิต 20   เมกะวัตต์ ใช้สำหรับการทดลองลำแสงนิวตรอน การศึกษาวัสดุศาสตร์ และการผลิตไอโซโทปทางการแพทย์ โดยเครื่องปฏิกรณ์นี้ผ่านการปรับปรุงตามมาตรฐานความปลอดภัยใหม่หลังเหตุการณ์ฟุกุชิมะ และกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งในปี 2021

การศึกษาดูงานครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น พร้อมสนับสนุนการพัฒนากำลังคน โครงสร้างพื้นฐาน และองค์ความรู้ด้านนิวเคลียร์และฟิวชัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระบบพลังงานสะอาดและมั่นคงในอนาคต

No comments