“อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์” (Art for Cance)r เปิดตัวโครงการ “ก้าวข้ามมะเร็ง” ส่งต่อ “ยากำลังใจ” สู่ผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วประเทศไทยพร้อม “แบงค์ – นิหน่า – อีฟ” ผู้มีประสบการณ์ตรง
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เนื่องในวันมะเร็งโลก โครงการเพื่อสังคม อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บาย ไอรีล (Art for Cancer by Ireal) ร่วมกับบริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด, กรมการแพทย์, สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, สถานวิทยามะเร็งศิริราช และมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย เปิดตัวโครงการ “ก้าวข้ามมะเร็ง” เพื่อส่งต่อ “ยากำลังใจ” สู่ผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วประเทศไทย “ยากำลังใจ” เป็นสื่อให้ความรู้เชิงสร้างสรรค์ ที่มาพร้อมกับคิวอาร์ โค้ด (QR Code) ผ่านทัศนคติเชิงบวกในการรับมือกับโรคมะเร็ง และการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคร้ายแรงนี้ อีกทั้งยังเป็นการปลุกกระแสให้คนตื่นตัวเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคมะเร็ง การตรวจคัดกรอง และแนวทางในการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
คุณไอรีล ไตรสารศรี ผู้ก่อตั้ง อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บาย ไอรีล ซึ่งเป็นโครงการเพื่อสังคมภายใต้ บริษัท อาร์ต ออฟ ไลฟ์ วิสาหกิจเพื่อสังคมกล่าวว่า “ไอรีลได้ก่อตั้งบริษัท วิสาหกิจสังคม ด้วยวัตถุประสงค์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็ง โครงการ “ก้าวข้ามมะเร็ง” จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากการสนับสนุนจากองค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ให้การสนับสนุนโครงการที่ยั่งยืนนี้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยชาวไทยและผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยการแสกนคิว อาร์ โค้ดในการรับ 3 ข้อมูลหลักเพื่อก้าวข้ามมะเร็ง ดังนี้ Move for Better Knowledge เพื่อมอบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็ง, Move for Better Accessibility เพื่อมอบข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกัน การคัดกรองและแนวทางการรักษา, Move for Better Quality of Life เพื่อมอบข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของชีวิตทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ข้อมูลทั้งหมดใน “ยากำลังใจ” ไม่ได้เป็นเพียงข้อมูลเกี่ยวกับการต่อสู้กับโรคมะเร็ง แต่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่จะรับมือและให้ความหวังกับผู้ป่วยและผู้ดูแลว่าทุกคนมีโอกาสหาย ทุกคนมีโอกาสรอด “ยากำลังใจ” นี้ เรามีเป้าหมายในการส่งมอบให้กับ 20 ศูนย์รักษาโรคมะเร็งในโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วประเทศ”
คุณเควิน ปีเตอร์ส (Kevin Peters), กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมะเร็งเป็นโรคที่ท้าทายต่อสุขภาพมากที่สุด ในฐานะที่บริษัท เอ็มเอสดี เป็นบริษัทชั้นนำด้านเวชภัณฑ์ระดับโลก เรามีความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างผู้ป่วยและผู้ดูแลรวมถึงแพทย์นักวิจัย รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกในการเอาชนะโรคที่ท้าทายนี้ จากสถิติของ Globalcan 2561 ทุกๆ ปีในประเทศไทยมีผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งมากกว่า 170,000 ราย และโรคนี้ได้คร่าชีวิตผู้ป่วยไปมากกว่า 100,000 คนทุกปีผมเชื่อว่าถ้าเราทำงานร่วมกัน เราจะสามารถช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและสร้างโลกที่ปราศจากมะเร็งได้”
คุณเควิน กล่าวเพิ่มว่า “ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือกับ อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์และอีกหลากหลายพันธมิตร เพื่อเปิดตัวโครงการ “ก้าวข้ามมะเร็ง” ในวันมะเร็งโลกเพื่อสร้างให้เกิดการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็งซึ่งจะช่วยสร้างเสริมคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นสำหรับคนไทยทุกคน นอกจากโครงการเพื่อช่วยเหลือสังคมแล้ว บริษัท เอ็มเอสดียังมุ่งเน้นในการทำการวิจัย และสร้างนวัตกรรมด้านการป้องกัน และการรักษาโรคมะเร็งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 บริษัท เอ็มเอสดี ในประเทศไทยได้ลงทุนด้านการวิจัยทางคลินิคอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับศูนย์วิจัยต่างๆมากถึง 145 แห่งทั่วประเทศ ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำเรายังคงมุ่งเน้นในการทำภารกิจของเราเพื่อช่วยชีวิตและพัฒนาคุณภาพของคนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ในงานเปิดตัวโครงการ “ก้าวข้ามมะเร็ง” ยังมีการแบ่งปันความรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไนยรัฐ ประสงค์สุข จากมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย และประสบการณ์ตรงจาก คุณแบงค์ – พชร ปัญญายงค์ นักแสดงและอดีตผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ ผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับ คุณนิหน่า – สุฐิตา ปัญญายงค์ ภรรยา และผู้ดูแลของคุณแบงค์ และ คุณอีฟ – พุทธธิดา ศิระฉายา บุตรสาว และผู้ดูแลของคุณเศรษฐา ศิระฉายา ผู้ป่วยเป็นมะเร็งปอด
คุณแบงค์ – พชร ปัญญายงค์ กล่าวว่า “ผมตกใจมากครับ ตอนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับ เพราะผมตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี แต่คุณหมอพบเนื้องอกที่ตับของผมขนาด 4 ซม. ผมได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเฉพาะจุด และการจี้ด้วยความร้อนเพื่อลดขนาดและการเติบโตของเนื้องอก ผมได้เปลี่ยนการใช้ชีวิต และวิธีการทานอาหารเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของมะเร็งด้วยครับ ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกำลังใจจากคนในครอบครัวและคนรอบข้างที่ส่งมาให้ผมเพราะเราต้องใช้เวลารักษาและต่อสู้อยู่กับโรคนี้ถ้าไม่มีกำลังใจจากคนเหล่านี้คงยากมากที่จะก้าวผ่านมันไปได้ครับ”
No comments