วช. ปลื้มนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์ ประจำปี 2565 จากแนวคิด “งานวิจัยทางกฎหมายสู่สังคมยุคใหม่ที่ดีขึ้น”
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดตัว “นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์ ประจำปี 2565” ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และผู้อำนวยการหลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในงาน NRCT Talk: นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2565 ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์จัดการความรู้การวิจัย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง
ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
วันนี้ (วันที่ 22 มีนาคม 2565 ) ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. มีภารกิจที่สำคัญในการให้รางวัล ประกาศเกียรติคุณหรือยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยเป็นผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการส่วนรวม ซึ่งในปีนี้ วช. ได้มอบรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์ ให้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และผู้อำนวยการหลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เนื่องจากเป็นนักวิจัยที่มีความคิดริเริ่มและอุทิศตนเพื่องานวิจัย ได้สร้างองค์ความรู้ทางด้านสาขาวิชานิติศาสตร์ที่มีความสำคัญในการใช้เป็นเครื่องมือกลไกทางกฎหมายในแง่ของการตัดสินคดีในกระบวนการทางสังคมเชิงวิชาการ เป็นเครื่องมือในการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่อสังคมของประเทศชาติ
ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ กล่าวว่า ผลงานวิจัยทางด้านนิติศาสตร์ ในกลุ่มวิชาการ สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) ผลงานวิจัยในเชิงนิติศาสตร์โดยแท้ 2) ผลงานวิจัยเพื่อเป็นการยกร่างกฎหมาย และ 3) ผลงานวิจัยที่นำเสนอประเด็นเชิงนโยบาย ทั้งนี้ โดยมุ่งเน้นการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ “การปรับเปลี่ยนกฎหมายและแนวคิดทางกฎหมายให้เข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยของสิทธิและเสรีภาพ” มุ่งเน้นในการแก้ไขประเด็นปัญหาเชิงนโยบายสาธารณะการตรากฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อใช้บังคับในสังคมไทย และ “การวิจัยเพื่อนำไปสู่การยกร่างกฎหมาย” การปรับปรุงระบบบริหารราชการแผ่นดินของไทยให้มีประสิทธิภาพ การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินในระดับจังหวัด เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งผลงานวิจัยดังกล่าวนั้นจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์หรือกฎระเบียบให้สอดรับกับสภาพของสังคมและยุคสมัยขึ้นมาบังคับใช้ รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับเก่าให้มีความก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชนในสังคมไทย
สำหรับงานวิจัยทางกฎหมาย “การปรับเปลี่ยนกฎหมายและแนวคิดทางกฎหมายให้เข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยของสิทธิและเสรีภาพ” งานวิจัยที่เกี่ยวกับ มาตรการในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นนโยบายเชิงสาธารณะ ที่จะมีส่วนช่วยในกระบวนการควบคุมการผลิตและการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อนำไปใช้ในการลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ลดการใช้ความรุนแรงทางสังคมและครอบครัวและยังเป็นการลดการเกิดปัญหาอาชญากรรมต่อสังคมไทยอีกทางหนึ่ง
/“การยกร่าง…
“การยกร่างกฎหมาย” เป็นงานวิจัยที่มุ่งเน้นในการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินของไทยมีประสิทธิภาพ ในเรื่องของ บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทศวรรษหน้าเกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพของคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง “สิทธิ” ในการที่จะเข้าถึงระบบการดูแลรักษาของภาครัฐในฐานะที่เป็นสมาชิกของสังคม “เสรีภาพ” ในการที่จะได้รับความเชื่อมั่น มั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย ให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะมีส่วนช่วยในการเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงระบบ“การประเมินองค์กรพิทักษ์ระบบคุณธรรมในข้าราชการพลเรือนสามัญ” ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่เกิดขึ้นตาม พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพิทักษ์ระบบคุณธรรมในระบบราชการพลเรือนสามัญ มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอแนะต่อ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือองค์กรกลางบริหารงานบุคคลอื่น เพื่อปรับปรุงนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรม พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และเรื่องร้องทุกข์ พิจารณาเรื่องการคุ้มครองระบบคุณธรรม รวมไปถึงการออกกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ วช. ได้มีการจัดงาน NRCT Talk: นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2565 ครั้งที่ 2 ขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นเวทีให้นักวิจัยได้นำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมผ่านสื่อมวลชน และยังเป็นการเชิดชูนักวิจัยทางด้านสาขานิติศาสตร์ที่มีคุณค่า สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้นักวิจัยเกิดการพัฒนาศักยภาพ ซึ่งส่วนหนึ่งของผลงานวิจัยคือองค์ความรู้ที่จะกำหนดนโยบายในอนาคตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม นำไปสู่การยกร่างกฎหมายและการตรากฎหมายที่ประชาชนจะได้รับสิทธิและเสรีภาพหรือประโยชน์ที่กฎหมายรับรอง คุ้มครอง บังคับใช้ในสังคมก่อให้เกิดความผาสุกโดยเท่าเทียมกัน ในการอยู่ร่วมกันเป็นปกติสุข ความเป็นธรรม ความเสมอภาคและความเจริญทางสังคมปรับเปลี่ยนระบบในอนาคตด้วย “งานวิจัยทางกฎหมายสู่สังคมยุคใหม่ที่ดีขึ้น” เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป
No comments