Breaking News

“ภูมิแพ้ผิวหนัง” มีอาการคันคะเยอเป็นหย่อมๆ

img
อาการคันคะเยอเป็นหย่อม ๆ โดยเฉพาะบริเวณต้นคอเชื่อมต่อไหปลาร้า เอว สะโพก ขา ข้อศอก และหลังมือ แต่ละจุดมีผื่นขึ้นต่างกัน บางจุดเป็นเม็ดใสคล้ายหิดบางจุดเป็นผื่นแดงวงกว้าง แต่ที่สำคัญคือ ยิ่งคันยิ่งเกา ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน

เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บอกได้ว่าเป็น “ภูมิแพ้ผิวหนัง”

“คนที่ผิวแพ้ง่ายเจออากาศเปลี่ยนหน่อยก็เกิดอาการคัน ลองสังเกตตัวเองไม่ว่าจะเหงื่อออก มดกัด ยุงกัด คนอื่นเป็นแป๊บเดียวหาย แต่ของเราเป็นนานมาก หรือมีปฏิกิริยามากกว่าคนอื่น คนเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังส่วนใหญ่ผิวค่อนข้างแห้งระคายง่าย แค่ล้างจาน ซักผ้า บางทีมือแห้งลอกเป็นผื่น ลองสังเกตมือซึ่งเป็นจุดที่ต้องสัมผัสสารเคมีบ่อย ๆ ดูว่าแห้งลอกเป็นขุยไหม บริเวณข้อพับเป็นแหน่งที่มีเหงื่อและฝุ่นสะสม มีอาการแดงหรือคันไหมคันบริเวณคอที่สัมผัสปกเสื้อและส่วนที่อับชื้นไหม อาการต่าง ๆ เหล่านี้บ่งบอกว่ามีแนวโน้มเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง เพราะผิวค่อนข้างไวต่อการตอบสนองสิ่งแวดล้อม มีอะไรมากระทบนิดหน่อยเกิดอาการแพ้ได้ง่าย ผิวแห้งทำให้คัน เมื่อคันก็เกา ผื่นก็ขึ้น” ดร. พญ.พิมลพรรณ กฤติยรังสรรค์ แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลกรุงเทพกล่าว

ตรวจ Patch Test เพื่อความชัวร์

การทำ Patch Test เป็นวิธีตรวจให้แน่ชัดว่าคนไข้แพ้อะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสวัสดุนั้น ๆ โดยนำสารเคมี อาทิ ครีมกันแดด ยาย้อมผม โลหะ ฯลฯ
วิธีการ คือ ใส่แผ่น Finn Chamber ปิดไว้ที่หลังบริเวณระหว่างสะบัก (คล้ายปิดปลาสเตอร์ยาขนาดใหญ่) นาน 3 วัน ห้ามถูกน้ำ จากนั้นค่อยเปิดมาดูว่าคนไข้มีปฏิกิริยากับสารเคมีตัวไหน

5 ข้อสำคัญเปลี่ยนพฤติกรรมปรับไลฟ์สไตล์

  1. กลับถึงบ้านรีบอาบน้ำล้างเหงื่อหรือฝุ่นออก ใส่เสื้อใหม่อย่าใส่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในรัดยิ่งรัดยิ่งถูยิ่งคัน
  2. ใช้สบู่อ่อน ๆ ไม่มีน้ำหอม (No Perfumed) หรือไม่ใส่สาร Preservative หรือมีคำว่า No Preservative หรือ For Sensitive Skin
  3. ทาโลชั่นหลังอาบน้ำทุกครั้งเลือกโลชั่นที่ไม่มีน้ำหอมหรือสารเคมี ไม่ควรใช้โลชั่นประเภทไวท์เทนนิง เพราะมีกรดผลไม้ ยิ่งทายิ่งระคาย ผื่นยิ่งเห่อ
  4. กินยาแก้แพ้ เป็นยากลุ่มแอนตี้ฮิสตามีนที่คุณหมอสั่งเท่านั้นห้ามซื้อยากินเองเด็ดขาด
  5. รักษาด้วย Phototherapyโดยใช้แสงอัลตราไวโอเลตคลื่นความถี่เพื่อการรักษาผื่นผิวหนังโดยเฉพาะช่วยกดภูมิในร่างกายไม่ให้ไวต่อสิ่งแวดล้อมโดยให้คนไข้เข้าไปยืนในตู้ รับการฉายแสง1 - 2 นาที อาทิตย์ละ 2 ครั้ง อาการดีขึ้นจึงค่อยๆ ลดปริมาณฉายแสงน้อยลงค่อยทายาและกินยาตามปกติ
 โรคนี้จะรักษาหายหรือไม่หายขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ เมื่อผื่นดีขึ้นต้องระวังตัวเองในการเลือกใช้สบู่โลชั่น งดการใช้อารมณ์มาก ๆ หรือเครียด ไม่ใช่ว่ารักษาหายแล้วกลับไปมีไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมแบบเดิมย่อมกลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก
ข้อมูล : ดร.พญ.พิมลพรรณ กฤติยรังสรรค์ แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลกรุงเทพ

สอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลกรุงเทพ
เปิดบริการ จันทร์ - เสาร์ 8.00 - 20.00 น. อาทิตย์ 8.00 - 17.00 น.
ชั้น 5 อาคารบางกอกพลาซ่า โรงพยาบาลกรุงเทพ
โทร. 0 2310 3004  0 2755 1004
Email : bsac@bgh.co.th 

No comments