สกสว. ผนึกกำลัง ก.พ.ร. พร้อมส่งเสริมการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ โชว์เคสผลงานวิจัยเด่นแก้ปัญหา PM 2.5
![](https://thaibizvision.com/wp-content/uploads/2021/09/D249B4DC-6514-4881-A6A7-563B278F17F2.jpeg)
รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อแสดงเจตจำนงในการร่วมกันขับเคลื่อนระบบราชการและขับเคลื่อนการเชื่อมโยงผลงานวิจัยและนวัตกรรมของหน่วยงานในระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ไปสู่การใช้ประโยชน์ ผ่านกลไกการทำงานของหน่วยงานราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
![](https://thaibizvision.com/wp-content/uploads/2021/09/D086C052-C0AA-4848-A83D-F9CE8A2B94CF.jpeg)
โอกาสนี้ รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สกสว. เล็งเห็นว่าผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในระบบ ววน. จำนวนมากมีศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์ หากมีการบูรณาการเป็นภาพใหญ่จะสามารถสร้างผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้การทำงานตอบโจทย์ใหญ่ต้องอาศัยพลังและความร่วมมือจากภาคี โดย สกสว. เห็นว่าหน่วยงานในระบบราชการถือเป็น Change Agent ที่สำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ ซึ่งไปสอดคล้องกับภารกิจหนึ่งของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ที่เน้นการบูรณาการ และเชื่อมโยงการทำงานของภาครัฐในทุกระดับ ทุกภาคส่วนให้มีเอกภาพและสอดรับประสานกันตามห่วงโซ่การพัฒนาที่ผ่านมา สกสว. และ ก.พ.ร. จึงได้หารือร่วมกันถึงการสร้างความร่วมมือนี้ ด้วยเล็งเห็นว่าความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมจะได้เข้าไปมีส่วนเสริมให้การทำงานของหน่วยงานในระบบราชการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
![](https://thaibizvision.com/wp-content/uploads/2021/09/A22CD217-CC28-48A0-A664-C7B0F7A18C88.jpeg)
ด้าน นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กล่าวว่า ก.พ.ร. และ สกสว. ได้ตั้งเป้าหมายร่วมกันในการที่จะนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาปรับใช้ในระบบการบริหารราชการ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง การสร้างความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการที่ สกสว. จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบราชการ ขณะเดียวกัน ก.พ.ร. ก็จะเป็นผู้มีส่วนขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์จะสร้างคุณูปการให้แก่ระบบราชการโดยรวม ตลอดจนนำไปสู่การสร้างประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนได้เป็นอย่างดี
![](https://thaibizvision.com/wp-content/uploads/2021/09/255C6F56-ADB6-4F47-B40E-7B4194DC49A1.jpeg)
นอกจากนี้ในงานดังกล่าว ยังมีการจัดเสวนาในหัวข้อ “การขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ : กรณีการแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ในจังหวัดพื้นที่นำร่อง” โดยมีวิทยากรจากหลายภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การนำงานผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่จริงอย่างกรณีการแก้ไขปัญหา ฝุ่นควัน PM 2.5 ประกอบด้วย ดร. บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการบริหารภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม นางสาววรนุช จันทร์สุริย์ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ดร. วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รศ. ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล หัวหน้าศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร. อำพล อาภาธนากร ผู้จัดการพัฒนานวัตกรรม ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อสังคม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)
![](https://thaibizvision.com/wp-content/uploads/2021/09/C3B3B4AC-3405-4167-9EF2-B81B4AF4F3C8.jpeg)
โดยมีการนำเสนอตัวอย่างผลงานวิจัยที่น่าสนใจ อาทิ 1) ก.พ.ร. ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) จัดทำแพลตฟอร์มกลางเชื่อมโยงฐานข้อมูล PM 2.5 แก้ปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่จังหวัดลำปางและสิงห์บุรี 2) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนงานวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 ภายใต้กรอบการวิจัยทั้งการพยากรณ์ การบริหารจัดการ การบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสร้างการรับรู้ต่อประชาชน ภายใต้มิติสังคม เทคโนโลยีและนโยบาย 3) ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) จัดทำ “Dustboy” เครื่องวัดข้อมูลฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศด้วยระบบเซ็นเซอร์และจัดเก็บข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยปัจจุบันทางโครงการยังขยายพื้นที่ไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนตอนบน เตรียมพร้อมแก้ปัญหาหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน 4) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) จัดทำ “Smoke Watch” แอปพลิเคชันแจ้งเตือนและเฝ้าระวังไฟป่าจากการเผาในที่โล่ง แอปพลิเคชันบริหารจัดการกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าควบคุมไฟป่าอันเนื่องมาจากการเผาในภาคการเกษตร ซึ่งถือเป็นผลงานวิจัยที่เกิดจากเป็นการทำงานร่วมกันหลายฝ่ายทั้งจากฝั่งนักวิจัย GISTDA และผู้ประกอบการ และ 5) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จัดทำผลงานวิจัยและนวัตกรรมช่วยลดการเผาเศษวัสดุการเกษตร เป็นต้น
No comments